1.
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสารสนเทศ
ปัจจุบันนี้เป็นยุคข้อมูล
ข่าวสาร และเป็นยุคของสังคมสารสนเทศ ที่มีการศึกษาค้นคว้า วิจัยและทดลองในสาขาวิชาต่างๆมากมาย
ทำให้เกิดมีความต้องการใช้ ข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เอื้ออำนวยให้
เพิ่มปริมาณสารสนเทศได้อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันหลายๆ
คนอาจจะมีการเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นยุคแห่งการสื่อสารไร้พรมแดน ผู้คนที่สามารถรับทราบข้อมูลข่าวสารจากทุกสารทิศได้มากที่สุด
2. ความหมายของสารสนเทศ
สารสนเทศ หรือสารนิเทศ (Information)
เป็นคำเดียวกันซึ่งสามารถให้ความหมายอย่างกว้างๆ ว่าหมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร
ความรู้ เรื่องราว ข้อเท็จจริงหรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็มีความ หมายในเชิงลึกว่า
หมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ที่ผ่านการประมวลผล ซึ่งมีความหมายและสามารถนำไปใช้ใน การตัดสินใจในชีวิตประจำวัน
หรือการทำงานนั้นๆ
อาจจะสรุปได้ว่า
สารสนเทศ หมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ที่ได้มีการจัดการไม่ว่าจะเป็นการคิดคำนวณ ประมวลผลเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์
ได้มีการคัดเลือกสรรและนำไปใช้ให้ทันต่อความต้องการ ในการใช้งาน
3.
ความสำคัญของสารสนเทศ
สารสนเทศเป็นปัจจัยที่สำคัญในโลกปัจจุบันนี้
มีความสำคัญต่อการพัฒนามนุษย์ และสังคมเพื่อเสริมสร้างความรู้อันที่จะนำไปใช้ประโยชน์ใน
การดำเนินชีวิตทั้งด้านการงานนั้น อีกทั้งเป็น แนวทางในการแก้ไข ปัญหา ช่วยในการวางแผนและช่วยตัดสินใจ
ประกอบกับความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
การติดต่อสื่อสารผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดทั้งการแพร่ กระจายข้อมูลข่าวสารบนระบบอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ต่างๆซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่แพร่หลายในสังคมสารสนเทศที่เน้นคุณค่าของข้อมูล
ข่าวสาร มีการจัดเก็บและการใช้ประโยชน์ มีการวิจัยพัฒนา เพื่อค้นหาข้อมูลข่าวสาร สาเหตุของสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดข้อมูลข่าวสารใหม่
ๆ ที่มีความสำคัญต่อการวิจัยและ การพัฒนาต่อไป ประการสำคัญ คือ เป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ
สารนิเทศที่ถูกต้องสมบูรณ์และทันสมัยเท่านั้น ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ
รัฐบาลต้องการสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้ประกอบการวินิจฉัยสั่งการและวางแผนงานเพื่อพัฒนาประเทศ
วงการธุรกิจ สารสนเทศเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการดำเนินงานประจำวันของโลกธุรกิจ
จะเห็นได้ชัดว่าสารสนเทศเป็นรากฐานสำคัญยิ่งในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน องค์กรของรัฐบาล
และเอกชน การศึกษาและการวิจัย แม้แต่กับบุคคลทั่วไป
ที่มา : www.maceducation. com
4.
ประเภทของสารสนเทศ
การจำแนกประเภทของสารสนเทศได้มีการจำแนกออกเป็น
ตามแหล่งสารสนเทศและตามสื่อที่ จัดเก็บ ดังนี้ คือ
1. สารสนเทศจำแนกตามแหล่งสารสนเทศ เป็นการจำแนกสารสนเทศตามการรวบรวมหรือ จัดกระทำกับสารสนเทศ
จำแนกได้ ดังนี้
1.1 แหล่งปฐมภูมิ (Primary Source) คือ สารสนเทศที่ได้มาจากต้นแหล่งโดยตรง
เป็น สารสนเทศทางวิชาการ ผลของการศึกษาค้นคว้า วิจัย รายงาน การค้นพบทฤษฎีใหม่ ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทาง
ในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
1.2 แหล่งทุติยภูมิ (Secondary Source) คือ
สารสนเทศที่มีการรวบรวม เรียบเรียงขึ้นใหม่ จากแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิ มักจะอยู่ในรูปแบบการสรุป
ย่อเรื่อง จัดหมวดหมู่ เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงและสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ได้แก่ หนังสือ ตำรา
1.3 แหล่งตติยภูมิ (Tertiary Source) คือสารสนเทศที
จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการค้นหาสารสนเทศ จากแหล่งปฐมภูมและทุติยภูมิ จะไม่ได้ให้เนื้อหาสาระโดยตรง
แต่จะมีประโยชน์ในการค้นหาสารสนเทศที่ให้ ความรู้เฉพาะสาขาวิชา ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
จึงได้มีการจัดเก็บบันทึกข้อมูลไว้ในสื่อคอมพิวเตอร์
2. สารสนเทศจำแนกตามสื่อที่จัดเก็บ เป็นการจำแนกสารสนเทศตามชนิดของสื่อที่ใช้ใน
การบันทึกข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ได้แก่ กระดาษ วัสดุย่อส่วน สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสื่อแสง
2.1 กระดาษ เป็นสื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล สารสนเทศ ที่ใช้ง่ายต่อการบันทีก
ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันจนถึงปัจจุบัน
2.2 วัสดุย่อส่วน เป็นสื่อที่ถูกสำเนาย่อส่วนลงบนแผ่นฟิล์มชนิดต่างๆ
ทั้งที่เป็นม้วนและเป็น แผ่น เช่น เอกสารจดหมายเหตุ หนังสือพิมพ์ เอกสารสำคัญ วิทยานิพนธ์
เป็นต้น
2.3 สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อแม่เหล็ก เป็นวัสดุสังเคราะห์เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก
สามารถ บันทึกและแก้ไขข้อมูลได้สะดวก เช่น เทปวีดิทัศน์ เทปบันทึกเสียง ฮาร์ดดิสก์
เป็นต้น
2.4 สื่อแสงหรือสื่อ ออปติก (Optical Media) เป็นสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลและอ่านข้อมูล
ด้วยแสงเลเซอร์ เช่น ซีดี-รอม ดีวิดี เป็นต้น
ซึ่งมีความจุมากเป็นพิเศษ
ที่มา : www.thaiwbi.com
5.
คุณสมบัติของสารสนเทศ
สารสนเทศมีความจำเป็นอย่างยิ่งใน
การบริหารจัดการ รวมทั้งใช้ในการตัดสินใจในการทำงานและดำเนินชีวิต ฉะนั้นเพื่อประโยชน์ในการใช้งานสารสนเทศ
จึงต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ดีของสารสนเทศ ดังนี้
1) สามารถเข้าถึงได้ง่าย (Accessibility) หมายถึงความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงสารสนเทศ เพื่อนำสารสนเทศไปใช้ รวมทั้งความรวดเร็วในการสืบค้น
2) มีความถูกต้อง (Accurate) สารสนเทศที่ดีต้องมีความเที่ยงตรง
และเชื่อถือได้ โดยไม่มีความ คาดเคลื่อนหรือมีความคาดเคลื่อนน้อยที่สุด
3) มีความครบถ้วน (Completeness) สารสนเทศที่ดีต้องมีความสมบูรณ์ที่จะช่วยในการตัดสินใจ
เป็นไปด้วยความถูกต้อง
4) ความเหมาะสม (Appropriateness) พิจารณาถึงการได้รับสารสนเทศตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้หากสารสนเทศที่ได้รับนั้นไม่ตรงกับความต้องการก็ไม่เกิดประโยชน์
5)
ความทันต่อเวลา (Timeliness) สารสนเทศต้องได้มาให้ทันต่อเวลาในการใช้งาน
มีความรวดเร็วในการประมวลผล เพื่อผู้ใช้สารสนเทศจะได้รับสารสนเทศ ได้ทันเวลา
6) ความชัดเจน (Clarity) คือสารสนเทศที่ไม่ต้องมีการตีความ
ไม่กำกวม ไม่คลุมเครือ
7) ความยืดหยุ่น (Flexibility) เป็นการนำสารสนเทศไปปรับใช้ได้ในหลายสถานการณ์
หรือเป็น สารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้อย่างกว้างขวาง
8)ความสามารถในการพิสูจน์ได้ (Verifiability) แหล่งที่มาของสารสนเทศว่าใคร
เป็นผู้รับผิดชอบในการผลิต หมายความว่าสารสนเทศนั้นต้องสามารถพิสูจน์หรือตรวจสอบได้
9)ความซ้ำซ้อน (Redundancy) สารสนเทศที่ได้รับนั้น
มีความซ้ำซ้อน หรือมีมากเกินความ จำเป็นหรือไม่
10)ความไม่ลำเอียง (Bias) ลักษณะสารสนเทศที่ผลิตขึ้น
ไม่มีเจตนาในการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไข สารสนเทศตามที่ได้กำหนด
6. แหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
แหล่งสารสนเทศ
หมายถึงแหล่งที่เกิด แหล่งที่ผลิต หรือแหล่งที่จัดเก็บและให้บริการทรัพยากร สารสนเทศ
ในรูปแบบที่หลากหลายอย่างเป็นระบบและยังเป็นแหล่งที่ทำการอนุรักษ์ทรัพย์สินทางปัญญา
โดยมีบทบาทหน้าที่ต่อสังคมเพื่อการบริการสารสนเทศและส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าแก่ผู้ต้องการสารสนเทศ
ในระดับต่างๆ
กัน โดยแบ่งได้ 6 แหล่งดังนี้ คือ
1) แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถาบัน
หมายถึง สถาบันที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ จัดหา รวบรวมวัสดุสารสนเทศ ชนิดต่าง ๆ มาจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบ
2) แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่
คือ แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่จริง หรือสถานที่จำลอง ซึ่ง ผู้ใช้ สามารถไปศึกษาหารความรู้จากตัวสถานที่เหล่านั้น
3) แหล่งสารสนเทศที่เป็นบุคคล
ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้รอบรู้ในสาขาวิชาต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญบางสาขา วิชาจะมีผลงานเป็นสารสนเทศในรูปแบบต่างๆ
ที่ผู้ใช้สามารถค้นคว้าได้ด้วยตนเอง
4) แหล่งสารสนเทศที่เป็นเหตุการณ์
ได้แก่กิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น 14 ตุลา ในปี พ.ศ. 2516 พฤกษาทมิฬ ในปี พ.ศ.
2535
5) แหล่งสารสนเทศสื่อมวลชน
ซึ่งเป็นแหล่งที่มุ่งเผยแพร่สารสนเทศ ที่เป็นเหตุการณ์ ข่าวสาร โดยเน้นความทันสมัยต่อเหตุการณ์
เป็นการถ่ายทอดในรูปของ การกระจายเสียง ภาพและตัวอักษรโดยผ่านสื่อ ประเภทวิทยุ โทรทัศน์
และหนังสือพิมพ์
6) แหล่งสารสนเทศที่เป็นอินเทอร์เน็ต
เป็นแหล่งสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกจึงทำให้อินเทอร์เน็ตมีข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศมากมาย
ฉะนั้นอินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งสารสนเทศที่มีความสำคัญต่อการศึกษาค้นคว้า เครือข่ายอินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งสารสนเทศที่นำมาประยุกต์ใช้ในการศึกษาช่วยสนับสนุนและส่ง
เสริมให้ผู้เรียน หรือผู้ต้องการสารสนเทศค้นหาสารสนเทศที่ต้องการได้จากอินเทอร์เน็ต
ที่มา : showly.wordpress.com
7.
ทรัพยากรสารสนเทศ (Information Resources or Information
Materials)
ทรัพยากรสารสนเทศ หมายถึง วัสดุหรือสื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล
ข่าวสาร สารสนเทศ ความรู้ และ ความคิดต่างๆ หรืออาจเรียกว่า วัสดุสารสนเทศ แบ่งออกเป็น
3 ลักษณะ คือ ทรัพยากรตีพิมพ์ (Printed Materials) ทรัพยากรไม่ตีพิมพ์ (Non printed Materials) และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Media)
7.1 ประเภทและชนิดของทรัพยากรสารสนเทศ
1) ทรัพยากรตีพิมพ์ (Printed Materials) เป็นสารสนเทศที่มีลักษณะเป็นแผ่น
หรือรูปเล่มที่ ตีพิมพ์ในกระดาษ มีขนาดต่าง ๆ กัน และมีหลากหลายรูปแบบ เช่น หนังสือ
วารสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร และกฤตภาค เป็นต้น
- หนังสือ (Book) คือ สิ่งพิมพ์ที่เป็นรูปเล่ม มีการบันทึกสารสนเทศเป็นเรื่องราวที่ศึกษาค้นคว้า
วิจัยหรือคิดสร้างสรรค์ จนได้เนื้อหาละเอียดกว้างขวางลึกซึ้งต่อเนื่อง อาจแบ่งเนื้อหาออกเป็นตอน
เป็นบท เป็นเล่ม เป็น
- วารสาร (Periodicals) คือสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง (Serial) ที่มีวาระการออกที่แน่นอน
เช่น ราย สัปดาห์ รายเดือน รายสามเดือน เป็นต้น โดยมีลักษณะส่วนประกอบที่สำคัญซึ่งแสดงลักษณะ
เฉพาะตัว คือ ชื่อวารสาร (Title) ปีที่ (Volume) ฉบับที่ (Number) เดือน ปีที่ออกวารสาร เลข มาตรฐานสากล
ประจำสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง (International
Standard Serial Number - ISSN) ซึ่งแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ วารสารวิชาการ (Journal) ให้เนื้อหาสารระที่เน้นวิชาการด้านต่างๆ
วารสารบันเทิง (Magazine) เนื้อหาสาระส่วนใหญ่จะบันเทิง และ วารสาร
เชิงวิพากษ์วิจารณ์ จะเป็นการนำเสนอสรุปข่าวสำคัญ เช่นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ
- หนังสือพิมพ์
(Newspapers) เป็นสิ่งพิมพ์ที่ให้สารสนเทศรายวัน เป็นการรายงานข่าวเเหตุ
การณ์ประจำวัน ความเปลี่ยนแปลง ความเป็นไปของสังคมนั้นๆ หลากหลายกว้างขวางทั้งด้านวิชาการและเรื่องเริงรมย์
- จุลสาร
(Pamphlet) เป็นสิ่งพิมพ์ขนาดเล็กที่มีเนื้อหาเฉพาะด้าน อาจจะเป็นกระดาษชิ้นเล็ก
ๆ เพียงแผ่นเดียว หรือเป็นแผ่นพับ เนื้อหาจะมีความทันสมัยเพียงชั่วเวลาหนึ่ง
-
กฤตภาค (Clipping) เป็นสิ่งพิมพ์ที่นำเรื่องราว
สารสนเทศที่สำคัญจากหนังสือพิมพ์ วารสาร หรือแผ่นพับ นำมาตัดแล้วผนึกลงบนกระดาษแล้วรวบรวมไว้ให้ผู้ใช้ได้ใช้ประโยชน์ต่อไป
สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ มาเก็บไว้ในฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้
2) ทรัพยากรไม่ตีพิมพ์ (Non-print Material) แตกต่างจากทรัพยากรตีพิมพ์
ที่ให้สารสนเทศ ความรู้โดยผ่านประสาทสัมผัสทางหู ตา ด้วยการดูและการ ฟัง ทำให้ เข้าใจง่าย
เกิดการเรียนรู้ที่ถูกต้องผู้ใช้สามารถจดจำและเข้าใจเรื่องที่ต้องการศึกษา ได้ง่ายกว่าการอ่านหนังสือ
มีรูปแบบลักษณะหลากหลายโดยทำจากเนื้อวัตถุสังเคราะห์ เช่นพลาสติกชนิด ต่างๆ การรับรู้สารสนเทศจากทรัพยากร
ประเภทนี้จึงต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์เฉพาะทรัพยากรชนิดนั้นๆ เพื่อรับรู้สารสนเทศตามความต้องการ
ซึ่งจำแนกได้ดังนี้
- ทัศนวัสดุ (Visual
Materials) เป็นทรัพยากรที่ใช้การมองเห็นหรือ โดยการดู หรืออาจจะดูด้วยตาเปล่า
หรือใช้เครื่องมืออุปกรณ์สำหรับฉายประกอบ ได้แก่ แผนภูมิ แผนที่ ภาพ นิ่ง ภาพเลื่อน
รูปภาพ ลูกโลก แผ่นภาพโปร่งใส หุ่นจำลอง ของจริง เป็นต้น
- โสตวัสดุ (Audio
Materials) เป็นวัสดุสารสนเทศที่รับรู้สารสนเทศด้วยการฟังเสียงเพียง
อย่างเดียว ได้แก่ จานเสียงหรือแผ่นเสียง เทปเสียง แผ่นซีดี รายการวิทยุกระจายเสียง
เป็นต้น
- โสตทัศนวัสดุ
(Audiovisual Materials) เป็นวัสดุสารสนเทศที่ให้เสียง และภาพเคลื่อนไหว
จึงนับเป็นทรัพยากรที่สื่อสารสนเทศได้ครบถ้วนมาก ได้แก่ ภาพยนตร์ วิดทัศน์ วีซีดี ดีวีดี
และรายการโทรทัศน์
3) สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Materials) หมายถึง
การจัดเก็บสารสนเทศที่อยู่ในรูปของ ดิจิทัล (Digital) ซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าในระบบคอมพิวเตอร์นั่นเอง สามารถบันทึกสารสนเทศได้ทั้งที่เป็นตัว
อักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ได้แก่ ฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยจำแนกออกเป็น
- ฐานข้อมูลออฟไลน์
(Offline Database) เป็นสารสนเทศที่สื่อสารกันได้เฉพาะคอมพิวเตอร์ เครื่องหนึ่งเครื่องใดเท่านั้น
หากต้องการใช้สารสนเทศข้ามเครื่องจะต้องบันทึก (Copy) สัญญาณดิจิทัลลง
ในสื่อ เช่น แผ่นดิสก์เก็ต แผ่นซีดี แล้วจึงนำสื่อนั้นไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ
ได้
- ฐานข้อมูลออนไลน์
เป็นแหล่งสารสนเทศที่มีการรวบรวมอย่างเป็นระบบ เพื่อความสะดวก ในการจัดเก็บและค้นหาสารสนเทศ
โดยผู้ใช้สามารถสืบค้นได้จากระบบเครือข่ายที่จัดให้บริการ รูปแบบที่ สารสนเทศที่ให้บริการมีทั้ง
ข้อมูลบรรณานุกรมของหนังสือ บทความวาสาร สิ่งพิมพ์อื่น ๆ ปัจจุบันนี้ระบบที่ใช้กันในชีวิตประจำวันก็คือ
อินเทอร์เน็ต
ที่มา : library.spu.ac.th
ที่มา : www.web.msu.ac.th
6. แหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
แหล่งสารสนเทศ
หมายถึงแหล่งที่เกิด แหล่งที่ผลิต หรือแหล่งที่จัดเก็บและให้บริการทรัพยากร สารสนเทศ
ในรูปแบบที่หลากหลายอย่างเป็นระบบและยังเป็นแหล่งที่ทำการอนุรักษ์ทรัพย์สินทางปัญญา
โดยมีบทบาทหน้าที่ต่อสังคมเพื่อการบริการสารสนเทศและส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าแก่ผู้ต้องการสารสนเทศ
ในระดับต่างๆ
กัน โดยแบ่งได้ 6 แหล่งดังนี้ คือ
1) แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถาบัน
หมายถึง สถาบันที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ จัดหา รวบรวมวัสดุสารสนเทศ ชนิดต่าง ๆ มาจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบ
2) แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่
คือ แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่จริง หรือสถานที่จำลอง ซึ่ง ผู้ใช้ สามารถไปศึกษาหารความรู้จากตัวสถานที่เหล่านั้น
3) แหล่งสารสนเทศที่เป็นบุคคล
ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้รอบรู้ในสาขาวิชาต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญบางสาขา วิชาจะมีผลงานเป็นสารสนเทศในรูปแบบต่างๆ
ที่ผู้ใช้สามารถค้นคว้าได้ด้วยตนเอง
4) แหล่งสารสนเทศที่เป็นเหตุการณ์
ได้แก่กิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น 14 ตุลา ในปี พ.ศ. 2516 พฤกษาทมิฬ ในปี พ.ศ.
2535
5) แหล่งสารสนเทศสื่อมวลชน
ซึ่งเป็นแหล่งที่มุ่งเผยแพร่สารสนเทศ ที่เป็นเหตุการณ์ ข่าวสาร โดยเน้นความทันสมัยต่อเหตุการณ์
เป็นการถ่ายทอดในรูปของ การกระจายเสียง ภาพและตัวอักษรโดยผ่านสื่อ ประเภทวิทยุ โทรทัศน์
และหนังสือพิมพ์
6) แหล่งสารสนเทศที่เป็นอินเทอร์เน็ต
เป็นแหล่งสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลกจึงทำให้อินเทอร์เน็ตมีข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศมากมาย
ฉะนั้นอินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งสารสนเทศที่มีความสำคัญต่อการศึกษาค้นคว้า เครือข่ายอินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งสารสนเทศที่นำมาประยุกต์ใช้ในการศึกษาช่วยสนับสนุนและส่ง
เสริมให้ผู้เรียน หรือผู้ต้องการสารสนเทศค้นหาสารสนเทศที่ต้องการได้จากอินเทอร์เน็ต
ที่มา : showly.wordpress.com
7.
ทรัพยากรสารสนเทศ (Information Resources or Information
Materials)
ทรัพยากรสารสนเทศ หมายถึง วัสดุหรือสื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล
ข่าวสาร สารสนเทศ ความรู้ และ ความคิดต่างๆ หรืออาจเรียกว่า วัสดุสารสนเทศ แบ่งออกเป็น
3 ลักษณะ คือ ทรัพยากรตีพิมพ์ (Printed Materials) ทรัพยากรไม่ตีพิมพ์ (Non printed Materials) และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
(Electronic Media)
7.1 ประเภทและชนิดของทรัพยากรสารสนเทศ
1) ทรัพยากรตีพิมพ์ (Printed Materials) เป็นสารสนเทศที่มีลักษณะเป็นแผ่น
หรือรูปเล่มที่ ตีพิมพ์ในกระดาษ มีขนาดต่าง ๆ กัน และมีหลากหลายรูปแบบ เช่น หนังสือ
วารสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร และกฤตภาค เป็นต้น
- หนังสือ (Book) คือ สิ่งพิมพ์ที่เป็นรูปเล่ม มีการบันทึกสารสนเทศเป็นเรื่องราวที่ศึกษาค้นคว้า
วิจัยหรือคิดสร้างสรรค์ จนได้เนื้อหาละเอียดกว้างขวางลึกซึ้งต่อเนื่อง อาจแบ่งเนื้อหาออกเป็นตอน
เป็นบท เป็นเล่ม เป็น
- วารสาร (Periodicals) คือสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง (Serial) ที่มีวาระการออกที่แน่นอน
เช่น ราย สัปดาห์ รายเดือน รายสามเดือน เป็นต้น โดยมีลักษณะส่วนประกอบที่สำคัญซึ่งแสดงลักษณะ
เฉพาะตัว คือ ชื่อวารสาร (Title) ปีที่ (Volume) ฉบับที่ (Number) เดือน ปีที่ออกวารสาร เลข มาตรฐานสากล
ประจำสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง (International
Standard Serial Number - ISSN) ซึ่งแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ วารสารวิชาการ (Journal) ให้เนื้อหาสารระที่เน้นวิชาการด้านต่างๆ
วารสารบันเทิง (Magazine) เนื้อหาสาระส่วนใหญ่จะบันเทิง และ วารสาร
เชิงวิพากษ์วิจารณ์ จะเป็นการนำเสนอสรุปข่าวสำคัญ เช่นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ
- หนังสือพิมพ์
(Newspapers) เป็นสิ่งพิมพ์ที่ให้สารสนเทศรายวัน เป็นการรายงานข่าวเเหตุ
การณ์ประจำวัน ความเปลี่ยนแปลง ความเป็นไปของสังคมนั้นๆ หลากหลายกว้างขวางทั้งด้านวิชาการและเรื่องเริงรมย์
- จุลสาร
(Pamphlet) เป็นสิ่งพิมพ์ขนาดเล็กที่มีเนื้อหาเฉพาะด้าน อาจจะเป็นกระดาษชิ้นเล็ก
ๆ เพียงแผ่นเดียว หรือเป็นแผ่นพับ เนื้อหาจะมีความทันสมัยเพียงชั่วเวลาหนึ่ง
-
กฤตภาค (Clipping) เป็นสิ่งพิมพ์ที่นำเรื่องราว
สารสนเทศที่สำคัญจากหนังสือพิมพ์ วารสาร หรือแผ่นพับ นำมาตัดแล้วผนึกลงบนกระดาษแล้วรวบรวมไว้ให้ผู้ใช้ได้ใช้ประโยชน์ต่อไป
สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ มาเก็บไว้ในฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้
2) ทรัพยากรไม่ตีพิมพ์ (Non-print Material) แตกต่างจากทรัพยากรตีพิมพ์
ที่ให้สารสนเทศ ความรู้โดยผ่านประสาทสัมผัสทางหู ตา ด้วยการดูและการ ฟัง ทำให้ เข้าใจง่าย
เกิดการเรียนรู้ที่ถูกต้องผู้ใช้สามารถจดจำและเข้าใจเรื่องที่ต้องการศึกษา ได้ง่ายกว่าการอ่านหนังสือ
มีรูปแบบลักษณะหลากหลายโดยทำจากเนื้อวัตถุสังเคราะห์ เช่นพลาสติกชนิด ต่างๆ การรับรู้สารสนเทศจากทรัพยากร
ประเภทนี้จึงต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์เฉพาะทรัพยากรชนิดนั้นๆ เพื่อรับรู้สารสนเทศตามความต้องการ
ซึ่งจำแนกได้ดังนี้
- ทัศนวัสดุ (Visual
Materials) เป็นทรัพยากรที่ใช้การมองเห็นหรือ โดยการดู หรืออาจจะดูด้วยตาเปล่า
หรือใช้เครื่องมืออุปกรณ์สำหรับฉายประกอบ ได้แก่ แผนภูมิ แผนที่ ภาพ นิ่ง ภาพเลื่อน
รูปภาพ ลูกโลก แผ่นภาพโปร่งใส หุ่นจำลอง ของจริง เป็นต้น
- โสตวัสดุ (Audio
Materials) เป็นวัสดุสารสนเทศที่รับรู้สารสนเทศด้วยการฟังเสียงเพียง
อย่างเดียว ได้แก่ จานเสียงหรือแผ่นเสียง เทปเสียง แผ่นซีดี รายการวิทยุกระจายเสียง
เป็นต้น
- โสตทัศนวัสดุ
(Audiovisual Materials) เป็นวัสดุสารสนเทศที่ให้เสียง และภาพเคลื่อนไหว
จึงนับเป็นทรัพยากรที่สื่อสารสนเทศได้ครบถ้วนมาก ได้แก่ ภาพยนตร์ วิดทัศน์ วีซีดี ดีวีดี
และรายการโทรทัศน์
3) สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Materials) หมายถึง
การจัดเก็บสารสนเทศที่อยู่ในรูปของ ดิจิทัล (Digital) ซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าในระบบคอมพิวเตอร์นั่นเอง สามารถบันทึกสารสนเทศได้ทั้งที่เป็นตัว
อักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ได้แก่ ฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยจำแนกออกเป็น
- ฐานข้อมูลออฟไลน์
(Offline Database) เป็นสารสนเทศที่สื่อสารกันได้เฉพาะคอมพิวเตอร์ เครื่องหนึ่งเครื่องใดเท่านั้น
หากต้องการใช้สารสนเทศข้ามเครื่องจะต้องบันทึก (Copy) สัญญาณดิจิทัลลง
ในสื่อ เช่น แผ่นดิสก์เก็ต แผ่นซีดี แล้วจึงนำสื่อนั้นไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ
ได้
- ฐานข้อมูลออนไลน์
เป็นแหล่งสารสนเทศที่มีการรวบรวมอย่างเป็นระบบ เพื่อความสะดวก ในการจัดเก็บและค้นหาสารสนเทศ
โดยผู้ใช้สามารถสืบค้นได้จากระบบเครือข่ายที่จัดให้บริการ รูปแบบที่ สารสนเทศที่ให้บริการมีทั้ง
ข้อมูลบรรณานุกรมของหนังสือ บทความวาสาร สิ่งพิมพ์อื่น ๆ ปัจจุบันนี้ระบบที่ใช้กันในชีวิตประจำวันก็คือ
อินเทอร์เน็ต
ที่มา : library.spu.ac.th
ที่มา : www.web.msu.ac.th