
1.
ความหมายการจัดการสารสนเทศ
การจัดการสารสนเทศ
ความหมายถึง การผลิต จัดเก็บ ประมวลผล ค้นหา และเผย แพร่ สารสนเทศโดยจัดให้มีระบบสารสนเทศ
การกระจายของสารสนเทศ ทั้งภายในและภายนอกองค์การ โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสารมาใช้ในการจัดการ
2. ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศ
การจัดการสารสนเทศในสภาวะที่สังคมมีสารสนเทศเกิดขึ้นมากมาย
ในลักษณะสารสนเทศท่วมท้นการ จัดการสารสนเทศ โดยจัดเป็นระบบสารสนเทศต่างๆ เพื่อการใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการ
เป็นความจำเป็นและมีความสำคัญทั้งต่อบุคคลในด้านการดำรงชีวิตประจำวัน ดังนี้
2.1 ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อบุคคล
การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลในด้านการดำรงชีวิตประจำวัน
การศึกษา และการ ทำงานประกอบอาชีพ ต่างๆ การจัดการสารสนเทศอย่างเป็นระบบ โดยการจัดทำฐานข้อมูลส่วนบุคคล
รวบรวมทั้งข้อมูลการดำรงชีวิต การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพต่างๆ ในการดำรงชีวิตประจำวัน
บุคคลย่อมต้องการสารสนเทศหลายด้านเพื่อใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น มีความก้าวหน้า และมีความสุข
การศึกษา
ทุกวัย นับเป็นปรัชญาการศึกษาตลอดชีวิต ความสำคัญในด้านการทำงาน บุคคลจำเป็นต้องใช้
สารสนเทศทั้งที่เกี่ยวข้องกับองค์การ ภาระหน้าที่ ประกอบการทำงานทั้งระดับบริหารและระดับปฏิบัติการ
การจัดเก็บสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบตามภารกิจส่วนตน ช่วยสนับสนุนให้สามารถทำงานให้
ประสบความสำเร็จได้ทันการณ์ ทันเวลา
2.2 ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อองค์การ
การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อองค์การในด้านการบริหารจัดการ
การดำเนินงาน และ กฎหมาย ดังนี้
1) ความสำคัญด้านการบริหารจัดการ การบริหารจัดการในยุคโลกาภิวัตน์เป็นการบริหารภายใต้
สภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันกันทางธุรกิจสูง การจัดการสารสนเทศจึงนับว่ามีความสำคัญ
ความจำเป็นที่ต้องมีการออกแบบระบบการ จัดการสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพให้สามารถบริหารงานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพและประสิทธิผล
2) ความสำคัญด้านการดำเนินงาน สารสนเทศนับมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในหลายลักษณะ
เป็นทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน และหลักฐานที่บันทึกการดำเนินงานในด้าน
ต่างๆ ตามที่หน่วยงานดำเนินการ การจัดการสารสนเทศช่วยให้การใช้สารสนเทศเพื่อรองรับการปฏิบัติงาน
ตามกระแสงานหรือขั้นตอน จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน เอื้อให้เข้าถึง
และใช้สารสนเทศได้อย่างสะดวก
3)ความสำคัญด้านกฎหมาย การจัดการสารสนเทศเพื่อการดำเนินงาน
จำเป็นต้องสอดคล้องกับ กฎหมาย กฎ ระเบียบและข้อบังคับทั้งในระดับภายในและภายนอกองค์การ
โดยเฉพาะสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง กับการเงินและบัญชีที่ต้องรวบรวมจัดเก็บอย่างต่อเนื่อง
เป็นระบบ รวมทั้งมีการตรวจสอบความถูกต้องทั้ง จากหน่วยงานภายในองค์การ หรือจากหน่วยงานภายนอกตามกฎหมาย
ที่มา : https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh0qogrBB22Uf0pISFIQXwQ-06egWMr3Y5kwabo5RTECvSu9xvh9xBBwFqRYXHNMsetBk7SxwggQ5hD_Ty21VeKEC-or7etuHKcOYp74S9U2tIdeuiXaW5wVHq2BVeqXQ9P7hRvSDL9sHSC/s1600/mi.jpg
3.
พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศ
นักวิชาการด้านสารสนเทศศาสตร์บางคนได้กล่าวไว้ว่า
การถกเถียงอภิปรายถึงความหมายของคำว่าสารสนเทศ จะไม่เกิดคุณค่าใดๆ หากไม่พิจารณาความหมายลึกลงไปในแง่การปฏิบัติงานกับสารสนเทศ
หรือคือ การจัดการสารสนเทศ ทั้งนี้เพราะการศึกษาสารสนเทศศาสตร์ ในแง่มุมหนึ่งคือการประยุกต์ด้าน
การปฏิบัติงานเพื่อการจัดการสารสนเทศ
3.1 การจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ
การจัดการสารสนเทศเริ่มต้นเมื่อมีการสร้างอารยธรรมในด้านการบันทึกความรู้
ราว
2,000 - 8,000 ปีก่อนคริสตศักราช อียิปต์โบราณใช้กระดาษปาปิ รัสเขียนบันทึกข้อมูล
หอสมุดอเล็กซานเดรีย (Library of Alexandria) สร้างโดยพระเจ้าปโทเลมีที่
1 ในช่วง 285 ปีก่อนคริสตศักราช เป็นคลังความรู้ที่ยิ่งใหญที่สุด
ในโลกยุคโบราณ จัดเก็บกระดาษปาริรัสที่เขียนบันทึกวิชาการแขนงต่างๆ ถึง 7 แสนกว่าม้วนไว้ในกระบอก ทรงกลม และต่อมาในได้มีการใช้หนังสัตว์เย็บเป็นรูปเล่มหนังสือ
เรียกว่าโคเด็กซ์ (codex) ในสมัยของเปอร์กามัม(Pergamum)
แห่งกรีก ในช่วง 197-159 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ช่วงศตวรรษที่
12 เกิดสถาบันการศึกษาที่เป็นทางการ ห้องสมุดของสถาบันการศึกษา เช่นมหาวิทยา
ลัยออกซ์ฟอร์ด และ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ยังคงจัดระบบหนังสือในลักษณะเดียวกับห้องสมุดวัด
นอกจาก จัดหนังสือตามสาขาวิชาแล้ว ยังจัดตามขนาด และเลขทะเบียนหนังสือ หนังสือที่สำคัญมากยังคงถูกล่ามโซ่
ศตวรรษที่ 16 กิจการการค้าหนังสือแพร่จากทวีปยุโรปสู่ทวีปอื่นทางเส้นทางการค้าและพัฒนาเป็น
ธุรกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้หนังสือจัดเป็นส่วนหนึ่งของชนทุกชั้น ลักษณะของหนังสือเปลี่ยนไป
ขนาดเล็กลง ใช้สะดวกขึ้นไม่มีสื่อประเภทใดที่เป็นเครื่องมือค้นสื่อที่จัดเก็บแลเผยแพร่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่า
หนังสือเป็นระยะเวลายาวนาน การจัดการสารสนเทศในระยะแรก สื่ออยู่ในรูปของสื่อสิ่งพิมพ์
การจัดการสารสนเทศเน้นระบบมือ โดยรวบรวมรายชื่อหนังสือที่มีการผลิตและเผยแพร่ และเทคนิคในการจัดเก็บเอกสารระยะแรกเป็นการจัด
เรียงตามขนาดของรูปเล่มหนังสือ ตามสีของปก ตามลำดับอักษรชื่อผู้แต่ง ชื่อเรื่องหนังสือ
เลขทะเบียน ตาม ลำดับก่อนหลังของหนังสือที่ห้องสมุด
สำหรับการจัดการสารสนเทศในสำนักงาน
ระบบดั้งเดิม ใช้ระบบมือ หรือกำลังคนเป็นหลัก การ จัดการเอกสารซึ่งใช้กระดาษระยะแรกจัดเก็บตามการรับเข้า
และส่งออกตามลำดับเวลา มีการจัดทำทะเบียน เอกสารรับเข้า
- ส่งออกในสมุดรับ – ส่งและจัดทำบัญชีรายการเอกสารด้วยลายมือเป็นรูปเล่ม
ต่อมาพัฒนา เป็นจัดเก็บเอกสารโต้ตอบเฉพาะเรื่องไว้ในแฟ้มเรื่องเดียวกันในตู้เก็บเอกสาร
โดยพัฒนาเป็นหมวดหมู่ของ ระบบงานสารบรรณเอกสาร
3.2 การจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์
การจัดการสารสนเทศเกิดขึ้นโดยใช้คอมพิวเตอร์
เมื่อสารสนเทศมีปริมาณมากมาย รูปลักษณ์ หลากหลายคอมพิวเตอร์มีพัฒนาการของจากอดีตถึงปัจจุบัน
ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ในระยะแรก ตั้งแต่ ค.ศ. 1946 มีการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้เทคโนโลยีหลอดสูญญากาศ
ใช้ในงานค้นคว้าทาง วิทยาศาสตร์ การสำรวจสำมะโนประชากร ซึ่งต่อมา เครื่องคอมพิวเตอร์พัฒนามาใช้เทคโนโลยีทรานซิสเตอร์
มีขนาดเล็กลง และนำมาใช้ในงานทางด้านคณิตศาสตร์และวิศวกรรม ช่วงทศวรรษที่
1960 คอมพิวเตอร์ เริ่มใช้แผงวงจรรวมหรือไอซี และแผงวงจรรวมขนาดใหญ่
และงานฐาน ข้อมูล เพื่อลดภาระงานประจำโดยทรัพยากรอยู่ในรูปของกระดาษ เห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์ถูกพัฒนานำมา
ใช้งานตามสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น
ในระยะต่อมาเป็นการนำมาใช้พัฒนาเป็นระบบสารสนเทศในงานเฉพาะทางต่างๆ
เช่น ระบบห้องสมุด มีการใช้คอมพิวเตอร์ในการทำบัตรรายการเป็นเครื่องมือช่วยค้นทรัพยากรสารสนเทศทั้งสื่อสิ่งพิมพ์
และสื่อ โสตทัศนประเภทต่างๆ
การใช้คอมพิวเตอร์ในระยะตั้งแต่
ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา การพัฒนาระบบเครือข่ายโดยใช้เทคโนโลยี
การสื่อสารเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูล และการใช้อินเทอร์เน็ต ทำให้การจัดการระบบฐานข้อมูลผ่านระบบ
ออนไลน์อย่างกว้างขวาง ขยายการทำงาน การบริการ การค้า ธุรกิจ การคมนาคม การแพทย์ เป็นต้น
กระทำได้อย่างกว้างขวางในลักษณะเครือข่ายความร่วมมือใช้สารสนเทศร่วมกัน สื่อสารสารสนเทศทั้งตัวอักษร
ภาพ เสียงเพื่อการดำเนินงานระหว่างองค์การของทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน
การจัดการสารสนเทศ
เพื่อให้ได้สารสนเทศที่ถูกต้องน่าเชื่อถือ สามารถนำไปใช้งานได้อย่างมี ประสิทธิภาพนั้น
จะต้องมีขั้นตอนการจัดการที่ดีและเป็นระบบ ซึ่งจะแยกเป็นรายละเอียดดังต่อไปนี้
1) การรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลซึ่งมีจำนวนมาก
จะต้องมีการดำเนินการที่รอบคอบและเป็นระบบ ข้อมูลบาง อย่างต้องเก็บให้ทันเวลา เช่น
การลงทะเบียนเรียนของนักเรียน ประวัตินักเรียน ผลการเรียนของนักเรียน การมาเรียน ความประพฤติ
การยืมคืนหนังสือห้องสมุด ซึ่งใน ปัจจุบันจะมีการนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์
มาช่วยในการจัดเก็บ
ที่มา : http://it.rsu.ac.th/News_Picture/IMA/Default/ima.jpg
2) การตรวจสอบข้อมูล
เมื่อมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วจำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูล
เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ข้อมูลที่เก็บเข้าในระบบจะต้องมีความเชื่อถือได้ หากพบที่ผิดพลาดต้องแก้ไข
ทั้งนี้ข้อมูลที่ถูกต้องจะส่ง ผลทำให้สารสนเทศที่ได้มีความถูกต้องน่าเชื่อถือ นำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3)การประมวลผลข้อมูลให้กลายเป็นสารสนเทศ
การจัดข้อมูลเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะของข้อมูล
ข้อมูลที่จัดเก็บจะต้องมีการแบ่งแยกกลุ่ม เพื่อเตรียม ไว้สำหรับการใช้งาน เช่น ข้อมูลนักเรียนในโรงเรียนมีการแบ่งเป็นแฟ้มทะเบียนประวัตินักเรียน
และแฟ้มรายวิชา ที่ลงทะเบียนเรียน ข้อมูลในห้องสมุด ก็มีการแบ่งเป็น แฟ้มหนังสือ แฟ้มสมาชิกห้องสมุด
แฟ้มการยืมคืนหนังสือ ทั้งนี้การจัดข้อมูลให้เป็นหมวดหมู่ ก็เพื่อสะดวกในการค้นหา สืบค้น
เพื่อนำข้อมูลมาใช้งาน หรือประมวลผลให้เป็นสารสนเทศต่างๆ ตามที่ต้องการแนวทางในการประมวลผลข้อมูลมีดังนี้
-การจัดเรียงข้อมูล การจัดเรียงข้อมูลส่วนใหญ่จะมีการจัดเรียงตามลำดับ ตัวเลข
หรือตัวอักษร หรือเพื่อ ให้เรียกใช้งานได้ง่ายประหยัดเวลา ข้อมูลที่จัดเก็บไม่ว่าจะเป็นระบบงานข้อมูลด้านใดก็ตาม
จะมีการจัดเรียง ข้อมูลไว้เพื่อช่วยในการค้นหาข้อมูลเสมอ เช่น การจัดเรียงบัตรข้อมูลผู้แต่งหนังสือในตู้บัตรรายการของห้อง
สมุดตามลำดับตัวอักษร การจัดเรียงชื่อคนในสมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ การจัดเรียงรายชื่อนักเรียนตามเลข
ประจำตัว ตามหมายเลขห้อง ตามเลขที่ของนักเรียน เป็นต้น
-
การสรุปผล ข้อมูลที่ปริมาณมากๆ อาจมีความจำเป็นต้องสรุปผลหรือสร้าง รายงานย่อ
เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ทั้งนี้การสรุปผลจะขึ้นอยู่กับความต้องการใช้สารสนเทศว่าต้องการแบบ
ได้ ข้อมูลที่สรุปก็จะสรุปตามความต้องการนั้นๆ เช่น จำนวนนักเรียนแยกตามชั้นเรียนแต่ละชั้นและเพศ
สรุป การมาเรียนของนักเรียนแต่สัปดาห์ สรุปรายงานคะแนนความประพฤติของนักเรียน สรุปรายชื่อนักเรียนที่ยืม
หนังสือเกินกำหนด
- การคำนวณ ข้อมูลบางส่วนเป็นข้อมูลตัวเลขที่สามารถนำไปคำนวณเพื่อหา ผลลัพธ์บางอย่างได้
สารสนเทศบางอย่างจะต้องมีการคำนวณข้อมูลเหล่านั้นด้วย เช่น การหาค่าผลการ เรียนเฉลี่ยของนักเรียนรายภาคเรียน
หรือ รายปี
- การค้นหาข้อมูล บางครั้งในการใช้ข้อมูลจะต้องมีการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ เท่านั้น
ดังนั้นการประมวลผลจะต้องมีการออกแบบการจัดเก็บข้อมูลให้สามารถค้นหาข้อมูลได้โดยจะต้อง
ค้นได้ถูกต้อง แม่นยำและรวดเร็ว เช่นการค้นหาข้อมูลหนังสือของห้องสมุด
ที่มา : http://www.thaigoodview.com/library/contest2553/
type2/tech04/20/img/nokia-booklet-3g-netbook-4.jpg
4) การดูแลรักษาสารสนเทศ
การดูแลสารสนเทศเพื่อการใช้งาน
ประกอบด้วย การเก็บรักษาข้อมูล เมื่อมีการบันทึกข้อมูลไว้ ในระบบแล้วจะต้องมีการดูแลเก็บรักษาข้อมูลเหล่านั้นไว้เพื่อมิให้สูญหาย
เพราะถ้าดูแลรักษาไม่ดี จะต้องมี การรวบรวมใหม่ซึ่งหมายถึงการสูญเสียเวลาในการทำงาน
การดูแลรักษาข้อมูลจะต้องมีการ การนำข้อมูลมา บันทึกเก็บไว้ในสื่อบันทึกต่างๆ เช่น
แผ่นบันทึกข้อมูล และทำสำเนาข้อมูล เพื่อให้ใช้งานต่อไปได้
5)การสื่อสาร
ข้อมูลที่จัดเก็บจะต้องกระจายหรือส่งต่อไปยังผู้ใช้งานที่ห่างไกลได้ง่าย
การสื่อสารข้อมูลจึงเป็น เรื่องสำคัญและมีบทบาทที่สำคัญยิ่งที่จะทำให้การส่งข่าวสารไปยังผู้ใช้ทำได้รวดเร็วและทันเวลา
เช่น การ สืบค้นข้อมูลหนังสือห้องสมุดผ่านระบบเครือข่าย ระบบสอบถามผลการเรียน การรายงานผลการเรียนของ
นักเรียนผ่านระบบเครือข่าย เป็นต้น
4. แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการสารสนเทศ
การจัดการสารสนเทศ
(information management) ในอดีตมักมุ่งที่การจัดเก็บสารสนเทศเพื่อ การเรียกใช้อย่างง่าย
เป็นการจัดเก็บจัดเรียงตามประเภทสื่อที่ใช้บันทึก หรือตามขนาดใหญ่เล็กของเอกสาร รูปเล่มหนังสือเป็นต้น
และต่อมา เมื่อสารสนเทศมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น มีหลายรูปแบบ การใช้ประโยชน์ใน หลายวงการ
ทั้งวงการธุรกิจ ภาครัฐ วิชาการและวิชาชีพต่างๆ ประกอบกับเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้การ
จัดการสารสนเทศมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น การจัดการสารสนเทศเป็นทั้งการจัดการการผลิต
รวบรวม จัด เก็บ และการค้นเพื่อใช้ได้อย่างสะดวก มีระบบที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
4.1 ขอบเขตของการจัดการสารสนเทศ
เป็นการใช้หลักของการจัดการเพื่อการจัดหา
การจัดโครงสร้างการควบคุม การเผยแพร่และ การใช้สารสนเทศดำเนินงานตามขั้นตอนหรือกระบวนการที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ
สารสนเทศที่ นำมาจัดการในที่นี้หมายถึง สารสนเทศทุกประเภททั้งจากแหล่งกำเนิดภายในและจากภายนอกองค์การ
จากแหล่งผลิตเพื่อการเผยแพร่ทั้งจากภาครัฐและเอกชน
รวมทั้งแหล่งทรัพยากรในลักษณะข้อมูล ระเบียน ข้อมูล และแฟ้มข้อมูล ฐานข้อมูล และทรัพยากรสารสนเทศรูปแบบต่างๆ
ทั้งสิ่งพิมพ์ในรูปกระดาษ และสิ่ง พิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ผลิตขึ้นเพื่อประโยชน์ที่เกี่ยวข้องอาทิ
ในการปฏิบัติงานตามหน้าที่ต่างๆ ของบุคลากร การจัดการสารสนเทศ ก็เพื่อจัดเข้าระบบ เพิ่มคุณค่า
คุณภาพ เพื่อการใช้ และความปลอดภัยของสารสนเทศ เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดการสารสนเทศ
และปัจจัยสำคัญของการจัดการสารสนเทศ ดังนี้
กระบวนการจัดการสารสนเทศ
ถ้าพิจารณาตามกระบวนการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยการ รวบรวมสารสนเทศ การจัดหมวดหมู่สารสนเทศ
การประมวลผล และการบำรุงรักษา ดังนี้
-
การรวบรวมสารสนเทศ (collecting) เป็นการรวบรวม
จัดเก็บสารสนเทศในรูปกระดาษหรือ สื่ออิเล็กทรอนิกส์จากแหล่งต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์การ
ในการรวบรวม เป็นกำหนดเกณฑ์ หรือแนว
ปฏิบัติว่าสารสนเทศใดจำเป็นต้องรวบรวม
และคัดเลือกนำเข้าสู่ระบบการจัดการสารสนเทศ การนำเข้าสู่ ระบบมีวิธีการดำเนินการต่างๆ
เช่น การแปลงสารสนเทศที่อยู่ในรูปแอนะล็อกให้อยู่ในรูปดิจิทัลโดยวิธีการ พิมพ์ เป็นต้น
- การจัดหมวดหมู่
(organizing) เป็นการนำสารสนเทศที่ได้รวบรวมและนำเข้าสู่ระบบมาจัด หมวดหมู่เพื่อการใช้ประโยชน์
การจัดหมวดหมู่เนื้อหาครอบคลุมการจัดทำดรรชนี (indexing) การจำแนก
ประเภท (classifying) รวมทั้งการจัดทำลิงค์เพื่อเชื่อมโยงจุดเข้าถึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
- การประมวลผล
(processing) เป็นการค้นหาและเข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศที่ได้รวบรวม และจัดเก็บไว้
เพื่อจัดกลุ่ม จัดเรียง สรุปและวิเคราะห์ตามความต้องการ โดยการจัดเก็บทรัพยากรสารสนเทศ
อาจรวบรวมจากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือ ตำรา เอกสาร หรือสารสนเทศจากระบบสารสนเทศ
- การบำรุงรักษา (maintaining) เป็นการนำสารสนเทศที่จัดการไว้กลับมาใช้ซ้ำ(reuse)
เพื่อหลีก เลี่ยงการเก็บสารสนเทศเดียวกันหลายครั้งโดยไม่จำเป็น การปรับปรุงฐานข้อมูลทรัพยากรสารสนเทศให้ทัน
สมัยและถูกต้องตรงตามระยะเวลา เพื่อให้ผู้ใช้ได้ใช้ทรัพยากรสารสนเทศที่ดีที่สุด
- เทคโนโลยี มุ่งเน้นเทคโนโลยีสารสนเทศ
เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการด้านฮาร์ดแวร์และ ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์เพื่อการประยุกต์ในงานต่างๆการจัดการเทคโนโลยีต้องสัมพันธ์กับการจัดการ
สารสนเทศ เพื่อเชื่อมโยงผู้ปฏิบัติงานในระดับต่างๆ ให้สามารถติดต่อ สื่อสารและเข้าถึงสารสนเทศทั้งภายใน
และภายนอกองค์การ
-คน ในฐานะองค์ ประกอบของทุ
กหน่วยงาน เป็นปัจจั ยสำคัญในการจัดการสารสนเทศ ครอบคลุ มทั้งผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารสนเทศ
การจัดการสารสนเทศ จึงควรสร้างวัฒนธรรม หรือ ค่านิยมของคนในการใช้สารสนเทศเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
หน่วยงาน และระบบงานเป็นสำคัญ โดย การยึดหลักคุณธรรม
- กระบวนการ เป็นปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐาน
แนวปฏิบัติ วิธีการที่ใช้ในการจัดการ สารสนเทศ เช่น นโยบายการจัดการสารสนเทศ ระบบแฟ้มและดรรชนีควบคุมสารสนเทศ
แผนการกู้สารสนเทศ เมื่อประสบปัญหา เป็นต้น รวมทั้งต้องมีการบำรุงรักษา เช่น การปรับปรุงดรรชนีควบคุมสารสนเทศ
ให้อยู่ในสภาพการใช้งานที่เหมาะสม
- การบริหารจัดการ เป็นปัจจัยสำคัญของการจัดการสารสนเทศที่ดีและมีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะ การจัดการในระดับกลยุทธ์ ในการจัดการสารสนเทศจำเป็นต้องเข้าใจถึงภารกิจและวัตถุประสงค์ของหน่วย
งาน จึงจะสามารถพัฒนาระบบให้สอดคล้องและสนับสนุนภารกิจนั้นได้ โดยต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้
บริหารระดับสูงอย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยให้สามารถกำหนดทิศทางนโยบายที่ชัดเจน รวมทั้งการได้รับทรัพยากร
สนับสนุนในการดำเนินงานการจัดการสารสนเทศ
เป็นการดำเนินงานกับสารสนเทศทั้งภายในและภายนอก องค์การ
การจัดการสารสนเทศยังครอบคลุมถึงการจัดการความรู้
จากช่วงปลายทศวรรษ 1990 การแข่งขัน และการพัฒนาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของหน่วยงาน
องค์การต่างๆ ทำให้เกิดการแสวงหา การเห็น คุณค่าของความรู้ ทั้งความรู้เด่นชัดที่เป็นความรู้ในรูปแบบที่เป็นเอกสาร
การจัดการความรู้ หรือ เคเอ็ม (Knowledge Management -- KM) หมายถึง การมุ่งรวบรวม ประมวลและจัดความรู้ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างและการแบ่งปันความรู้ระหว่างบุคลากร
ที่มา : https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcThwYJZOYwmP5qI5g3xNmdUyrnw3KvPRwF1kUWzUPbRU-q3Qpb5
5. การจัดการสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
ความต้องการที่จะปรับปรุงการจัดการสารสนเทศเป็นที่สนใจในหลายๆ
องค์กร โดยอาจถูกผลักดัน จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ความต้องการที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการทางธุรกิจ
การ ปรับปรุงเพื่อให้ถูกต้องตามกฎระเบียบที่วางไว้ รวมถึงความต้องการที่จะเปิดใช้บริการใหม่ๆ
ในหลายกรณี การจัดการสารสนเทศ หมายถึง การนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เช่น ระบบจัดการเนื้อหาหรือเอกสาร
ระบบคลังข้อมูล ระบบเว็บไซด์ท่า โครงการเหล่านี้น้อยรายที่จะประสบความสำเร็จ การสร้างการจัดการ
สารสนเทศที่มีประสิทธิภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในเชิงเทคโนโลยีการจัดการ สารสนเทศ ประกอบด้วยระบบต่างๆ
ดังต่อไปนี้
· การ จัดการ เนื้อหาใน
เว็บไซต์ (web content management - CM)
· การจัดการเอกสาร
(document management - DM)
· การจัดการด้านการจัดเก็บบันทึก
(records management - RM)
· โปรแกรมจัดการทรัพย์สินดิจิทัล
(digital asset management - DAM)
· ระบบการจัดการเรียนการสอน
(learning management systems - LM)
· ระบบการจัดเนื้อหาการสอน
(learning content management systems - LCM)
· ความร่วมมือ
(collaboration )
· การค้นคืนสารสนเทศในองค์กร
( enterprise search)
· และอื่นๆ
การจัดการสารสนเทศนั้นไม่ได้เน้นแค่เพียงเรื่องของเทคโนโลยีที่สำคัญไม่แพ้กันคือกระบวนการทาง
ธุรกิจและการปฏิบัติที่จะวางรากฐานการสร้างและการใช้งานสารสนเทศ รวมทั้งยังเกี่ยวพันถึงตัวสารสนเทศ
เองด้วย ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างของสารสนเทศ