1. ความหมาย

2. ความเป็นมา
จากวรรณคดีและงานวิจัยจากองค์กรและสถาบันต่างๆ
ได้แก่ American Association of School Librarians &
Association for Educational Communications and Technology (2004) และ
The Big 6 Center for Media Literacy National Skills Standard Board (Eisenberg
and Berkowitz (2005) สามารถจำแนกทักษะการเรียนรู้ในทศวรรษที่
21 ได้เป็น 4 ลักษณะคือ
1. ทักษะสารสนเทศและการสื่อสาร
ได้แก่ ทักษะการรู้สารสนเทศและการรู้สื่อ
2. ทักษะการคิดและการแก้ปัญหา
ได้แก่ การคิดวิเคราะห์ และการคิดเป็นระบบ การระบุปัญหาการดำเนินการและแนวทางการแก้ปัญหา
ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
3. ทักษะปฏิสัมพันธ์ และการชี้นำตนเอง
ได้แก่ ทักษะการปฏิสัมพันธ์ และการประสานร่วมมือ และการปรับตัว
4. การรับผิดชอบต่อสังคม
การรู้สารสนเทศ
(Information Literacy) เป็นคำที่พบในบริบทต่างๆ ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา
ออสเตรเลีย และประเทศอังกฤษ ซึ่งในประเทศอังกฤษนั้นได้ใช้คำว่า ทักษะสารสนเทศ
(Information Skills) การรู้สารสนเทศหรือทักษะสารสนเทศเกิดขึ้นในราวต้นคริสต์ศักราช
1974 และได้ใช้คำทั้งสองร่วมกัน และบางครั้งได้ใช้ในความหมายเดียวกัน
โดยที่การรู้สารสนเทศครอบคลุม ความสามารถในการเข้าถึง การกำหนดการประเมินและการใช้สารสนเทศจากแหล่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งความ
สามารถเหล่านี้ไม่ได้เป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เกิดจากผลของยุคสารสนเทศ หากเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความ
สำเร็จ และคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน ทำให้ความ สามารถในการรู้สารสนเทศต้องผสมผสานทักษะด้านการค้นคว้า
การประเมินความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือที่เป็น เทคโนโลยีสมัยใหม่ อีกทั้งต้องมีความสามารถในการเชื่อมโยงการเรียนรู้ให้เข้ากับความรู้เดิมที่มีอยู่
รวมทั้งความสามารถในการใช้สารสนเทศให้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ได้วางไว้ ผสมผสานความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจ
วัฒนธรรม กฎหมาย และการเมือง
นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอสารสนเทศในลักษณะต่างๆ ได้แก่
การรู้สื่อ (Media Literacy) เป็น ความสามารถในการเปลี่ยนแปลง
วิเคราะห์ ประเมิน และสื่อสาร ในรูปแบบที่มีความหลากหลายของสื่อได้ การรู้คอมพิวเตอร์
(Computer Literacy) เป็นความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ และซอฟแวร์เพื่อเข้าถึง
สารสนเทศ การรู้เชิงทัศนะ (Visual Literacy) เป็นความสามารถในการเข้าใจความหมายและองค์ประกอบ
ต่างๆของภาพที่เห็น การรู้ดิจิตอล (Digital Literacy) เป็นความสามารถเข้าใจและใช้สารสนเทศรูปแบบ
ต่างๆ เพื่อวิเคราะห์ และแก้ปัญหา เพื่อส่ง เสริมคุณภาพชีวิตโดยรวม
ที่มา : http://4.bp.blogspot.com/_AxLbrwG3NTE/RvFdUjZqIKI
/AAAAAAAAABM/lqY4SSX3ukY/s320/information_literacy_-_references.gif
3. องค์ประกอบของการรู้สารสนเทศ
องค์ประกอบของการรู้สารสนเทศประกอบด้วย ความเข้าใจ
และความสามารถส่วนบุคคลที่ตระหนัก ถึงความจำเป็นของสารสนเทศ โดยต้องมีความสามารถดัง
ต่อไปนี้
1) ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศ ประกอบด้วยความสามารถทางกายภาพ และสติปัญญา
ในการเข้าถึงสารสนเทศ ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี
2) ความสามารถในการประเมินสารสนเทศ ประกอบด้วยความสามารถในการสังเคราะห์ หรือตีความ
สามารถตัดสินใจได้ว่าแหล่งสารสนเทศใดมีความน่าเชื่อถือ โดยอาศัยข้อเท็จจริงและความเที่ยงตรง
3)
ความสามารถในการใช้สารสนเทศ ประกอบด้วยความเข้าใจประเด็นทางเศรษฐกิจ
สังคม วัฒนธรรม กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสารสนเทศ รวมถึงมารยาทการใช้สารสนเทศ
ที่มา : http://theeraporn14.files.wordpress.com/2012/07/infolitcycle.gif
SUNY Council of Library Directors
Information Literacy Initiative (2003) ได้ เสนอ คุณลักษณะและความสามารถในการรู้สารสนเทศของบุคคลดังนี้
1) ตระหนักถึงความจำเป็นของสารสนเทศ
2) สามารถกำหนดขอบเขตของสารสนเทศที่จำเป็น
3) เข้าถึงสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4) ประเมินสารสนเทศและแหล่งสารสนเทศได้
5) นำสารสนเทศที่คัดสรรแล้วสู่พื้นความรู้เดิมได้
6) มีประสิทธิภาพในการใช้สารสนเทศได้ตรงตามวัตถุประสงค์
7)เข้าใจประเด็นทางเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรมและกฎหมายในหารใช้สารสนเทศ
8) เข้าถึงและใช้สารสนเทศได้อย่างมีจริยธรรมและถูกกฎหมาย
9) แบ่งประเภทจัดเก็บและสร้างความเหมาะสมให้กับสารสนเทศที่รวบรวมไว้
10) ตระหนักว่าการรู้สารสนเทศช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ทีมา : http://202.143.156.4/edplaza/images/stories/food/it_system3.gif
5. มาตรฐานของผู้รู้สารสนเทศ
American Association of School
Librarians & Association for Educational Communications and Technology
(2004) ได้เสนอมาตรฐานของผู้รู้สารสนเทศไว้ 3 ระดับด้วยกัน
กล่าวคือ มาตรฐานทั่วไป ประกอบด้วย มาตรฐานที่1-3 การเรียนรู้อย่างอิสระประกอบด้วยมาตรฐานที่
4-6 และความรับผิดชอบต่อ สังคมประกอบด้วยมาตรฐานที่ 7-8 ดังต่อไปนี้
มาตรฐานที่
1 ผู้เรียนเข้าถึงสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
มาตรฐานที่
2 ผู้เรียนประเมินสารสนเทศอย่างมีวิจารณญาณ และอย่างมีความสามารถ
มาตรฐานที่
3 ผู้เรียนให้สารสนเทศอย่างถูกต้องและสร้างสรรค์ การเรียนรู้อย่างอิสระ
มาตรฐานที่
4 ผู้เรียนมีอิสระในการเรียนรู้ ต้องรู้สารสนเทศ และแสวงหาสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง
มาตรฐานที่
5 ขั้นประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล (Evaluation) เป็นการวิเคราะห์สารสนเทศ ที่สืบค้นได้จากแหล่งต่าง ๆ และนำเสนอสารสนเทศ
มาตรฐานที่
6 ผู้เรียนที่มีอิสระในการเรียนรู้ ต้องรู้สารสนเทศ ต้องมุ่งแสวงหาสารสนเทศ
และสร้าง องค์ความรู้อย่างยอดเยี่ยม ความรับผิดชอบต่อสังคม
มาตรฐานที่
7 ผู้เรียนสร้างประโยชน์ต่อชุมชนแห่งการเรียนรู้และสังคม เป็นผู้รู้สารสนเทศและ
ตระหนักถึงความสำคัญของสารสนเทศที่มีต่อสังคมประชาธิปไตย
มาตรฐานที่
8 ผู้เรียนสร้างประโยชน์ต่อชุมชนแห่งการเรียนรู้และสังคม เป็นผู้รู้สารสนเทศ
และฝึกฝน ให้มีพฤติกรรมที่มีจริยธรรม อันเกี่ยวข้องกับสารสนเทศและเทคโนโลยีสารสนเทศ
ที่มา : http://202.28.94.55/web/322103/2551/work1/g151/clip_image002.jpg
6. แนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศ
แนวทางการส่งเสริมการรู้สารสนเทศมีหลายแนวทาง
หากแนวทางที่มีรูปธรรมชัดเจนจากประเทศ สหรัฐอเมริกา คือ
The Big 6 Skills Model ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยนักการศึกษาชื่อ
Mike Eisenberg และ Bob Berkowitz (2001-2006) โดยได้นำไปใช้ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับอุดมศึกษา มีการนำไปประยุกต์เพื่อการเรียนการสอนทักษะสารสนเทศในสถาบันการศึกษาต่างๆ
โดยมี 6 ขั้น ตอน ได้แก่
ขั้นตอนที่
1 การกำหนด ภาระงาน
(Task Definition) เป็นการระบุปัญหา หรือกำหนดขอบเขต ของสารสนเทศที่ต้องการใช้
ขั้นตอนที่
2 การกำนดกลยุทธ์แสวงหาสารสนเทศ เป็นการกำหนดว่าแหล่งสารสนเทศใดมีสารสนเทศที่ต้องการ
และประเมินความเหมาะสมของแหล่งสารสนเทศ
ขั้นตอนที่ 3 การกำหนดแหล่งสารสนเทศและการเข้าถึงสารสนเทศ
(Location and Access) เป็นการระบุแหล่งที่อยู่ของสารสนเทศและค้นหาสารสนเทศตามแหล่งสารสนเทศ
ขั้นตอนที่ 4 การใช้สารสนเทศ
(Use of Information) เป็นการอ่าน พิจารณาสารสนเทศที่ฃ
ขั้นตอนที่
5 ขั้นประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล
(Evaluation) เป็นการวิเคราะห์สารสนเทศ ที่สืบค้นได้จากแหล่งต่างๆ
ขั้นตอนที่
6 ขั้นประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล
(Evaluation) เป็นการวิเคราะห์สารสนเทศ ที่สืบค้นได้จากแหล่งต่างๆ และนำเสนอสารสนเทศ
สำหรับในประเทศงานวิจัยการพัฒนารูปแบบการรู้สารสนเทศสำหรับสังคมไทย (อาชัญญา รัตน อุบล และคณะ, 2550) ได้สังเคราะห์และพัฒนารูปแบบการรู้สารสนเทศสำหรับสังคมไทยขึ้นโดยมีพื้นฐาน
จาก The Big 6 Skills Model ดังกล่าวข้างต้น มี 4 ขั้นตอน ได้แก่
1)
กำหนดภารกิจคือต้องการรู้อะไรปัญหาหรือข้อสงสัยคืออะไร
2) ตรงจุดเข้าถึงแหล่งคือการหาคำตอบว่าอยู่ที่ไหน
มีวิธีเข้าถึงและการใช้แหล่งความรู้ได้อย่างไร
3) ประเมินสารสนเทศ
คือ การคัดสรรสารสนเทศอย่างไรให้ตรงกับสิ่งที่ต้องการรู้ และน่าเชื่อถือ
4)
บูรณาการวิถีการใช้งาน คือ การมีวิธีใดใช้ในการนำสิ่งที่ค้นพบมาสรุป
นำเสนอและสื่อสารกับผู้ อื่นประยุกต์ใช้แก้ปัญหาใช้อย่างมีจรรยาบรรณและถูกกฎหมาย
ที่มา : http://www.life.ac.th/a/life/pic/life.jpg
จากผลการวิจัยการพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างการรู้สารสนเทศสำหรับสังคมไทย พบว่ารูปแบบการเสริมสร้างการรู้สารสนเทศ 4 ขั้นตอนคือ กำหนดภารกิจ ตรงจุด เข้าถึงแหล่ง ประเมินสารสนเทศ และบูรณาการวิถีการใช้งาน ได้ถูกนำไปใช้ โดยส่วนใหญ่ผู้สอนเริ่มเข้าใจ และให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการรู้สารสนเทศให้แก่ผู้เรียนของตน และพยายามคิดค้นกลยุทธ์ในการ เสริมสร้างการเสริมสร้างการรู้สารสนเทศให้เหมาะสมกับธรรมชาติและบริบทของแต่ละท้องถิ่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น